ปัญหาฟุตบอลไทยนี่เยอะจนน่าปวดหัวจริงๆ ครับ กรณีศรีสะเกษ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชุลมุนชุลเกกันอยู่ในเวลานี้
ยอมรับว่าแรกเริ่มเดิมทีผมก็คิดเหมือนหลายๆคนว่าทางออกง่ายๆก็คือ ปรับตกชั้นไป ก็จะเข้าสู่ระบบปกติ คิดต่อให้อีกว่าหากศรีสะเกษไม่ยินยอม ก็เอาเลย ทีพีแอล จัดโปรแกรมการแข่งขันขึ้นมาตามโปรแกรมปกติเลยใส่เกมนัดกลางสัปดาห์ไปทุกสัปดาห์ตั้งแต่นี้ ให้ศรีสะเกษได้สิทธิ์ของตัวเอง ซึ่งศรีสะเกษไม่มีทางเตรียมทีมได้ทันอยู่แล้ว เมื่อแพ้บายติดๆ กันสุดท้ายก็ต้องตกชั้นอยู่ดี
แต่เมื่อมาไตร่ตรองดูก็ต้องยอมรับว่า ในกรณีนี้ศรีสะเกษไม่ได้ผิดนะครับ พวกเขามีทีมปกติที่แข่งขันไปแล้ว 3 นัด พร้อมจะแข่งนัดที่ 4 จนจบฤดูกาล แต่อยู่ดีๆ ศาลก็มาบังคับให้พวกเขาต้องหยุดแข่งขันอย่างไม่มีกำหนดสมาคมฟุตบอลฯก็ดันบ้าจี้ทำตามคำสั่งศาล ทั้งที่ยังไม่ได้ข้อพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก
ศรีสะเกษถูกจับ "แช่แข็ง" ผ่านไป 4 เดือนอยู่ๆก็บอกให้แข่งได้สำหรับคดีอื่นๆ ศาลจะ "แช่แข็ง" ปล่อยล้อฟรียังไงก็ได้แต่สำหรับฟุตบอลทำอย่างนั้นไม่ได้นะครับ เพราะการแช่แข็ง 1 ทีมมันส่งผลกระทบไปอีก 17 ทีม ซึ่งไม่ได้มีเวลาที่จะกลับมาแข่งย้อนหลังอีกแล้ว เพราะฉะนั้นศรีสะเกษไม่ผิดครับไปปรับเขาตกชั้นไปเลยก็ดูจะไม่เป็นธรรมนัก
ทีนี้ถ้าไม่ตกแล้วจะทำยังไง?ถ้าให้ศรีสะเกษอยู่ต่อแล้วอีก 3 ทีมตกชั้นมีหวังโดนด่าเปิดเปิงครับเพราะอยู่ดีๆศรีสะเกษไม่แข่งแต่ได้สิทธิ์อยู่รอด ขณะที่ทีมที่เตะกันแทบตายกลับตกชั้น เป็นไปไม่ได้แน่นอนเพราะฉะนั้นก็เหลือชอยส์เดียวคือปีนี้ทีมไทยลีกตกชั้นแค่ 2 ทีมคือทีมอันดับ 16 และ 17 ซึ่งไม่ว่าจะมีกรณีของศรีสะเกษหรือไม่ยังไงก็ตกอยู่แล้ว ขณะทีมขึ้นชั้นก็ 3 ทีมเหมือนเดิมจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ เลยแต่ไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าต้องมี 19 ทีม !!
ปัญหาของการมี 19 ทีม ก็คือแมตช์แข่งขันจะเพิ่มขึ้นมาอีก 36 นัดจาก306 นัด เป็น 342 นัด ระยะเวลาในการแข่งขันจะเพิ่มขึ้นอีก 1 เดือน...เดิมไทยลีกเตะกัน 8 เดือนจะเป็น 9 เดือน หนักไปไหม?
แม็กซิมั่ม จำนวนทีมสูงสุดของแต่ละชาติ สามารถไปได้ถึง 20 ทีมอย่างฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ไม่มีปัญหาเรื่องการจัดโปรแกรมหรอกครับ เพราะอังกฤษกับไทยก็มี 365 วันเท่ากัน
ฟุตบอลถ้วยต่างๆ พวกเขาก็มีเท่าๆ กับบ้านเรา ตั้งแต่ฟุตบอลลีก,ลีก คัพ และ เอฟเอ คัพ เช่นเดียวกันทีมอันดับต้นๆ ก็ต้องไปแข่งแชมเปี้ยนส์ลีกและ ยูฟ่า ยูโรปา ลีกเหมือนกันเพราะฉะนั้นหากเรายึดอังกฤษเป็นแม่แบบด้วยจำนวนทีม 19 ทีม ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพียงแต่เราต้องมีวินัยเหมือนกับอังกฤษนั่นคือไม่เลื่อนการแข่งขันอย่างไม่จำเป็น
โดยเฉพาะโปรแกรมทีมชาติไทยเราต้องไม่มีหยุดยาวๆ ให้ทีมชาติเล่นเกมอุ่นเครื่องนอกจากฟีฟ่าเดย์เกมอุ่นเครื่องที่เหมือนกับทีมอื่นๆ ทั่วโลก แมตช์ทางการอย่าง เอเชียน คัพ, ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก, ฟุตบอลโอลิมปิก ทีมชาติก็ต้องให้ความเคารพกติกานี้กับสโมสรด้วยการขอตัวได้แค่ 7 วันก่อนแข่งขันเป๊ะๆตามกฎฟีฟ่า
ข้อเสียก็คือนักเตะร่างกายจะกรอบเป็นข้าวเกรียบซึ่งสโมสรเองก็ต้องขยายขนาดของทีมให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับจำนวนแมตช์ที่เพิ่มขึ้น
ในเสียมีดีเหมือนกันนะครับ การที่แมตช์เพิ่มขึ้นอีก 36 นัดสโมสรก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายตั๋ว, ของที่ระลึก แม้กระทั่งลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดก็อาจจะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันหากคิดกันเป็นรายแมตช์
สโมสรเองก็จะใช้งานนักเตะได้คุ้มในการจ้างงานตลอดปี นักฟุตบอลเองก็มีรายได้ มีเงินเดือนตลอดทั้งปีช่วงเวลาพักอาจจะสั้นลงหน่อยแต่ก็เป็นสากล โมเดลนี้ผมมองว่าเป็นไปได้ครับเพราะผู้ได้รับผลเสียผลกระทบมีไม่มากนัก
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ นี่ต้องเป็นความผิดพลาดครั้งสุดท้ายของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยแล้วนะครับ ปีต่อๆ ไปจะต้องไม่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้นอีก จะเป็น 19 ทีมก็คือ 19 ทีม ขึ้นลงกี่ทีมเอาให้ชัดๆ หาทางป้องกันปัญหาการฟ้องร้องต่างๆไว้ซะอย่าให้มีการจับ "แช่แข็ง" แบบนี้อีก
ให้อภัยกันได้ครับ ในความผิดใหม่ๆ ที่ถือว่าเป็นการเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน แต่ขอร้องอย่าผิดด้วยเรื่องเดิมๆซ้ำๆเป็นอันขาด
ปูเป้
ที่มา: siamsport.co.th