จากผลการแข่งขันฟุตบอล ไทยเอฟเอคัพ 2015 รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันพุธ 2 ธันวาคม 2558 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 2-1 และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะ ชัยนาท ฮอร์นบิล 2-0 ทำให้โควต้าสโมสรฟุตบอลจากประเทศไทยที่จะได้สิทธิไปแข่งขันฟุตบอลรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า ตกไปอยู่กับทีมอันดับ 3 ของไทยพรีเมียร์ลีก
โควต้าทีมสโมสรฟุตบอลจากประเทศไทย คือ 1+2 กล่าวคือ ทีมสโมสร แชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก ได้สิทธิไปแข่งขัน รอบแบ่งกลุ่มทันที และ แชมป์ ไทยเอฟเอคัพ ได้สิทธิไปแข่งขัน รอบคัดเลือก ร่วมกับ รองแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก ก็จะได้สิทธิไปแข่งขัน รอบคัดเลือก เช่นกัน
ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2015 ตกเป็นของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เรียบร้อยแล้ว และได้สิทธิไปแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยตรง และรายการแข่งขันฟุตบอล ไทยเอฟเอคัพ 2015 รองชิงชนะเลิศ ที่จะแข่งขันในวันเสาร์ 26 ธันวาคม 2558 เป็นการพบกันระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รองแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2015
หาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ไทยเอฟเอคัพ 2015 ก็จะต้องสละสิทธิในโควต้า รองแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก และให้ทีมอันดับ 3 เข้าแข่งขันแทน แต่ถ้าหาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าแชมป์ ไทยเอฟเอคัพ 2015 โควต้าอีก 2 ทีมที่จะได้แข่งขัน รอบแบ่งกลุ่ม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า คือ อันดับ 2 และ 3 ของ ไทยพรีเมียร์ลีก 2015
แต่ทว่าล่าสุด ธนาธิป สว่างแสง โฆษก บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทีมสโมสรที่คว้าอันดับ 3 ของการแข่งขัน ไทยพรีเมียร์ลีก 2015 อาจไม่ได้ไปแข่งขันฟุตบอลรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า หากว่าสนามเหย้าของสโมสรนั้น ยังไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคลับไลเซนซิ่ง
ธนาธิป สว่างแสง กล่าวว่า เป็นกังวลกับทีมที่คว้าอันดับ 3 ของไทยพรีเมียร์ลีก 2015 เพราะทาง สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี ระบุไว้ชัดเจนว่า ทีมที่จะเข้าแข่งขันฟุตบอลในรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ต้องมีคลับไลเซนซิ่งที่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้ หากดูจากทีมสโมสรที่กำลังลุ้นอันดับที่ 3 ของไทยพรีเมียร์ลีก ที่ได้รับคลับไลเซนซิ่งแล้ว มีแค่ 2 ทีมเท่านั้น ได้แก่ ชลบุรี เอฟซี และ บางกอกกล๊าส เอฟซี ส่วนทางด้าน แบงค็อก ยูไนเต็ด ยังต้องให้ทาง เอเอฟซี มาประเมินสนามเหย้า ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงอีกครั้ง ขณะที่ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่ใช้สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นสนามเหย้า ก็ยังไม่ผ่านคลับไลเซนซิ่งเช่นกัน
ซึ่งทำให้ หาก สุพรรณบุรี เอฟซี หรือ แบงค็อก ยูไนเต็ด สามารถคว้าอันดับ 3 ของไทยพรีเมียร์ลีก 2015 ก็อาจจะไม่ได้ไปแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยเหตุผลเรื่องคลับไลเซนซิ่งที่กล่าวไปข้างต้น และต้องให้สิทธิกับสโมสรลำดับต่อไป ที่ได้รับคลับไลเซนซิ่งไปแข่งขันแทน
ส่วนเรื่องที่จะขอใช้สนามอื่น ที่ผ่านมาตรฐานคลับไลเซนซิ่ง เพื่อเข้าแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ทาง สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ก็ระบุไว้ชันเจนว่า ทุกสโมสรต้องใช้สนามเหย้าของตนเองเท่านั้น ในการเข้าร่วมแข่งขันดังกล่าว