วรวีร์ มะกูดี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ มติชน เมื่อวันอังคาร 20 ตุลาคม 2558 เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือ ฟีฟ่า สั่งพักงาน ห้ามยุ่งกับกิจกรรมฟุตบอลทุกระดับเป็นเวลา 90 วัน และต่อด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการกลาง เข้ามาบริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในช่วงที่หมดวาระปกติ เพื่อดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเดิมทีต้องเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ และสภากรรมการ ในวันเสาร์ 17 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา ก่อนถูกยกเลิก โดย ฟีฟ่า กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559
วรวีร์ มะกูดี เปิดเผยว่า คำสั่งที่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลทุกระดับ เป็นเวลา 90 วัน มาจากเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้แก้ไขข้อบังคับบางส่วนให้สอดคล้องกับข้อกฏหมายไทย ก่อนดำเนินการจดทะเบียน ในวันที่ 14 ตุลาคม 2558 จากนั้นมีผู้ไปฟ้องร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และผลคำตัดสิน ศาลให้ตนและ องอาจ ก่อนสินค้า ที่เป็นเลขาธิการสมาคม ในขณะนั้น มีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จากผลการตัดสินของศาล มีการลงข่าวและมีการส่งข้อมูลไปยังฟีฟ่า จนทำให้มีคำสั่งพักงานออกมา ซึ่งตนเองจะได้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ และฎีกาต่อไป และถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่มีความผิดแต่อย่างใด
โดย วรวีร์ มะกูดี ยืนยันว่าการถูกพักงาน 90 วัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่ตนเองเคยเป็นคณะกรรมการฟีฟ่าแล้วโหวตเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และฟุตบอลโลก 2022 แต่อย่างใด
ในประเด็นที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ร้องไปยังฟีฟ่า เรื่องที่ส่งหนังสือเชิญสโมสรเข้าร่วมประชุมแก้ไขข้อบังคับ วันที่ 17 กันยายน 2558 ทางสมาคมได้ทำการส่งเอกสารรับรองของฟีฟ่าไปให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ คณะกรรมการกลาง เรียบร้อยแล้ว
ส่วนในกรณี ที่มาของ 30 สโมสร ที่โหวตเลือกตัวแทนจากไทยลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนละ 5 ทีมนั้น ตามบทเฉพาะกลางของข้อบังคับสมาคมฟุตบอลฯ พ.ศ. 2556 ระบุว่าในปีแรกให้คัดเลือกจากอันดับ 1-5 ของแต่ละโซน จากนั้นในไทยลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 แต่ละโซนจะต้องคัดเลือกตัวแทนกันมา ซึ่งสมาคมฟุตบอลฯ ดำเนินงานอย่างถูกต้อทั้งหมด จึงยืนยันว่า 30 เสียงจากตัวแทนดิวิชั่น 2 ที่คัดเลือก มาตามกระบวนการที่ถูกต้อง
ในวันเดียวกันนั้น พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ประธานคณะกรรมการกลาง การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ เรียกประชุมคณะกรรมการกลางเป็นครั้งแรกหลังจากฟีฟ่าแต่งตั้ง โดยภายหลังการประชุม พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ กล่าวว่าเป็นการประชุมนอกรอบ เพราะกรรมการมาไม่ครบ ซึ่งคาดว่าจะมีการจัดประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า โดยมี 2 เรื่องที่เป็นการบ้าน คือ 1. ข้อบังคับการเลือกตั้งมีปัญหาอย่างไร และมีแนวทางในการแก้ไขอย่างไร 2. จำนวนสมาชิก 30 เสียงจากไทยลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 นั้น ฟีฟ่าเน้นย้ำว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข เพราะที่ผ่านมามีการใช้อันดับ 1-5 ของแต่ละโซนภาค มาออกเสียง และเปลี่ยนเป็นการคัดเลือกกันเองในแต่ละโซน ยืนยันว่าคณะกรรมการกลางจะหาทางเลือกที่ดีที่สุดในทุกประเด็น เพราะการแก้ไขครั้งนี้ไม่ได้ทำเป็นวาระฉุกเฉิน แต่จะใช้บังคับในระยะยาว
ทั้งนี้ประธานกรรมการกลาง กล่าวถึงการบริหารงานด้านอื่นๆ สมาคมฟุตบอลฯ มีสิทธิในการบริหารงาน ที่อยู่นอกเหนือการจัดการเลือกตั้ง คณะกรรมการกลางจะไม่เข้าไปก้าวก่าย
ส่วนที่ พ.อ.(พิเศษ) วรวุฒิ ทองศรีงาม รักษาการ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ ยืนยันว่า ฟีฟ่า ได้รับรองข้อบังคับ ที่ประชุมกันไปเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2558 แล้วนั้น พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ยืนยันว่าเรื่องนี้ ฟีฟ่า พิจารณาแล้วว่าข้อบังคับมีปัญหา จึงส่งกลับมาให้คณะกรรมการ แก้ไข