รายการ เจาะข่าวเด่น ประจำวันจันทร์ 11 มกราคม 2559 ในกรณี การเพิ่มทีมแข่งขัน ไทยพรีเมียร์ลีก 2016 เป็น 20 สโมสร จากเดิมที่แข่งขัน 18 สโมสร
ธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีม บีอีซี เทโรศาสน กล่าวว่า ตอนนี้สโมสร บีอีซี เทโรศาสน เหมือนตกเป็นจำเลย แต่สิ่งที่ทำนั้น สโมสรยึดถือความถูกต้อง เพราะการแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีก มีกฎกติกา สโมสรต่อสู้บนความถูกต้อง จากกรณีที่เกิดขึ้น แบงค็อก ยูไนเต็ด ส่งผู้เล่นต่างชาติผิดกฎ โดย บีอีซี เทโรศาสน รับทราบในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากแข่งขัน ซึ่งสโมสรก็ได้ทำเรื่องประท้วงไปยัง ไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งมั่นใจว่าเกิดเหตุการณ์ผิดพลาดจริงๆ ซึ่งถามใครก็ตามก็จะรู้ว่ามันผิดจริงๆ ก็ต้องต่อสู้บนความถูกต้อง ไม่ใช่ว่าสโมสรต้องตกชั้น แล้วมาดิ้นรนหนีการตกชั้นด้วยการฟ้องแบบนี้
ผู้จัดการทีม บีอีซี เทโรศาสน กล่าวด้วยว่า สำหรับคำตัดสิน สโมสรมองว่าไม่เป็นธรรม อย่างคณะกรรมการชุดแรก ตัดสินลงโทษ แบงค็อก ยูไนเต็ด ว่าทำผิดกฎ 7 ต่อ 0 เสียง เอกฉันท์ แต่พอคณะที่ 2 ปรากฎว่า บีอีซี เทโรศาสน กลับแพ้ 3 ต่อ 1 เสียง
สำหรับโควต้าต่างชาติ 3+1 ผู้จัดการทีม บีอีซี เทโรศาสน อธิบายว่า เมื่อครั้งฤดูกาล 2012 เคยเกิดปัญหาลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยในขณะนั้น วิชิต แย้มบุญเรือง เป็นประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ได้มีการเรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจว่ากฎ 3+1 ที่แท้จริงมันคืออะไร ทุกสโมสรมีความเห็นร่วมกัน ทำให้ทุกสโมสรแข่งขันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งเกิดปัญหาในเกมการแข่งขัน ระหว่าง บีอีซี เทโรศาสน กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด
ธัญญะ วงศ์นาค อธิบายเพิ่มเติมว่า การที่ บีอีซี เทโรศาสน ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เป็นเพราะหากในกระบวนการตามปกติ หลังจากผลคำตัดสินของคณะกรรมการชุดที่ 2 จะต้องย้อนกลับไปที่สมาคมฟุตบอลฯ เพื่อตั้งคณะอนุญาโตตุลาการ มาตัดสินในครั้งสุดท้าย แต่ในขณะนั้นเกิดสูญญากาศ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ถูกฟีฟ่า แบนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลเป็นเวลา 90 วัน ทำให้ไม่มีผู้มีอำนาจลงนามแต่งตั้ง คณะอนุญาโตตุลาการขึ้นมาทำหน้าที่ ซึ่งทำให้สโมสร บีอีซี เทโรศาสน ไม่มีทางเลือก จึงต้องไปร้องต่อศาลปกครอง หรือ ฟีฟ่า หรือ ศาลกีฬาโลก ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย
ด้าน อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร ชลบุรี เอฟซี กล่าวว่า ปัญหาสำคัญในขณะนี้ คือเรื่องหลักการ ระเบียบ ข้อบังคับ ซึ่งทั้งหมดนั้นผิดหมด การที่ได้ทำการส่งระเบียบให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ ให้สมาชิกได้รับรู้ ตนเองคิดว่าควรต้องยึดตรงนั้น การผิดพลาดในการบริหารจัดการของ ไทยพรีเมียร์ลีก หรือ สมาคมฟุตบอลฯ ต้องกลับไปดูตรงนั้น สำหรับกรณีของ บีอีซี เทโรศาสน ตนเองเห็นใจอยู่แล้ว เพราะเมื่อรู้ข่าวว่า แบงค็อก ยูไนเต็ด ส่งผู้เล่นผิดระเบียบ ตนเองคิดว่า บีอีซี เทโรศาสน ชนะแน่นอน และคิดว่าทุกคนที่อยู่ในวงการฟุตบอลรู้หมดเลยว่า บีอีซี เทโรศาสน ต้องชนะในเรื่องนี้ แต่เมื่อผลคำตัดสินของคณะกรรมการชุด 2 ทุกอย่างเกิดอาการงงกับประเทศไทย งงกับฟุตบอลไทย ว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร
รองประธานสโมสร ชลบุรี เอฟซี กล่าวเพิ่มว่า ปัญหาระหว่าง บีอีซี เทโรศาสน กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด นี้ไม่ใช่ครั้งแรก เคยมีปัญหาลักษณะนี้ตั้งแต่สมัย ศรีสะเกษ เอฟซี และยังมีปัญหาในลักษณะนี้หลายครั้ง ตนเองคิดว่าประสิทธิภาพของการทำงานของ สมาคมฟุตบอลฯ หรือ ไทยพรีเมียร์ลีก ยังบกพร่อมเยอะ โดยยืนยันว่า ขอเพิ่มเป็น 20 ทีม ในครั้งนี้ ตนเองไม่เอาแน่นอน เพราะจะเป็นเรื่องหมักหมมต่อไป ขอยืนยันที่ 18 ทีม
อรรณพ สิงห์โตทอง กล่าวในตอนท้ายว่า ในการแก้ปัญหาลักษณะนี้ ทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ ต้องมานั่งพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็น สมาคมฟุตบอลฯ การกีฬาแห่งประเทศไทย แบงค็อก ยูไนเต็ด บีอีซี เทโรศาสน สระบุรี เอฟซี ตามความเข้าใจของฟุตบอลจริงๆ แต่ถึงวันนี้ ยังไม่มีการพูดคุยเกิดขึ้น มีเพียงแค่การออกมติเพิ่มทีมแข่งขันเป็น 20 ทีม
ในช่วงท้าย อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร ชลบุรี เอฟซี ตอบคำถามว่า บีอีซี เทโรศาสน ควรจะเสียสละหรือไม่? อรรณพ สิงห์โตทอง ตอบว่า ควรเป็นไปตามสิทธิของ บีอีซี เทโรศาสน เห็นสมควรที่จะร้องสิทธิ
คลิกดูรายการเจาะข่าวเด่นย้อนหลัง -- https://youtu.be/EUS--Ia4DDg